ดีไซน์หน้าผากสวยด้วยการปลูกไรผม
มันเป็นไปได้ไหมที่เราจะทำหน้าผากเถิกๆ ให้แคบลงด้วยการปลูกไรผม?
แต่ไหนแต่ไร กว่า 90เปอร์เซ็นต์ ของผู้ชายที่เข้าปรึกษาแพทย์นั้น ความต้องการส่วนใหญ่เห็นไปในทางเดียวกันว่า อยากจะได้หน้าผากเป็นรูปตัว M
แต่ในทางกลับกัน ผู้หญิงนั้นจะมีความต้องการหลักๆ ในการปลูกไรผมบนหน้าผากอยู่ 2 แบบคือ
- โค้งมน เรียบๆ ไปตามรูปหน้าผาก ไม่มีรอยแบ่ง รอยแสกให้สะดุดตา
- ปลูกไรผมบนหน้าผากให้เยอะขึ้น เพื่อที่พื้นที่บนหน้าผากจะได้แคบลง เหมาะสำหรับคนที่หัวเถิก หรือหัวล้าน
ความยากในการปลูกไรผมบนหน้าผาก
การทำหน้าผากให้แคบลงนั้น ปัจจุบันยังถือว่าเป็นศิลปะที่มีความยากมากถึงมากที่สุด! เพราะสิ่งที่ยากที่สุดก็คือการปลูกไรผมในส่วนที่ไม่มีขน ยิ่งการที่จะทำให้มันขึ้นมาจำนวนมากๆ เป็นผมที่หนาดูเป็นธรรมชาติยิ่งยากใหญ่
ลองนึกภาพ…การที่เราจะทำการปลูกป่าสักผืนหนึ่ง กว่าต้นไม้จะเจริญเติบโตจนเป็นที่น่าพอใจก็ยังต้องใช้เวลาถึง 10~20 ปีโน่น! ยิ่งกว่ามันจะโตจนเป็นเรียกว่า “ป่า” ได้ ก็ต้องใช้เวลาเป็น 100 ปี! การปลูกผมอาจจะไม่ต้องใช้เวลาถึง100 ปีก็จริง (ถ้าเป็นงั้นคงจะเข้าคอนเซ็ป ปลูกไรผมชาตินี้ ได้ไรผมชาติหน้า…) แต่อย่างไรมันก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้หน้าผากตามแบบที่ผู้ไข้ต้องการ
ในการผ่าตัด1 ครั้ง กรณีของผู้ชาย จะสามารถปลูกได้ประมาณ 50-60เปอร์เซ็นต์ของผมที่เกิดตามธรรมชาติ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลอีก เคสที่ได้เพียง 30เปอร์เซ็นต์ ก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ส่วนในกรณีของผู้หญิงนั้น น้ำมันในชั้นหนังกำพร้าจะออกยากกว่าผู้ชาย จึงสามารถทำให้ปลูกไรผมได้มากถึง 80%
จุดสำคัญของการปลูกไรผมบนหน้าผาก
หลักๆ เลยคือมีอยู่ 3ประการด้วยกัน ได้แก่
- การดีไซน์ไรผมให้เข้ากับรูปหน้าผาก
- ปริมาณความหนาของไรผมที่จะปลูก
- การใช้แนวเส้นขนบริเวณด้านหน้าสุดของหน้าผาก
ในกรณีของผู้หญิง ก็สามารถใช้เส้นขนบางๆ ปลูกไรผมบนหน้าผากให้มีจำนวนหนาแน่นได้เช่นกัน แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่…
แต่เดิมแล้วหากเส้นขนมีทั้งความบางและสั้น มันก็จะไม่สามารถเจริญเติบโตงอกออกมาเป็นเส้นผมหรือไรผมที่ยาวมากพอได้ หากแต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะนั่นเป็นเรื่องราวในช่วงที่ทำการคิดค้นนวัตกรรมปลูกไรผมบนหน้าผากเท่านั้น ปัจจุบันได้มีหลายโรงพยาบาลที่สามารถก้าวผ่านปัญหานี้และสามารถปลูกไรผมอย่างเป็นธรรมชาติได้แล้ว
แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลเข้าทำการปลูกไรผมนั้น ก็จะต้องปรึกษาแพทย์และดูความน่าเชื่อถือของแต่ละโรงพยาบาลให้ดีก่อนด้วยนะ!