มารู้จักไบโอตินกันก่อน
ถ้าหากคุณเคยไปเดินเล่นมองนั่นมองนี่ในร้านขายยาอาจเคยเห็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อว่า “ไบโอติน” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่เร้นกายอยู่ในหมวดหมู่วิตามินผ่านตากันมาบ้าง และถ้าหากใครเคยหยิบมันขึ้นมาพลิกอ่านฉลากทุกยี่ห้อไม่ว่าถูกหรือแพงก็มักจะกล่าวถึงสรรพคุณที่ดูคล้ายคลึงกัน ในการช่วยทำให้ผิวสวย บำรุงเล็บ และเสริมสร้างทำให้เส้นผมแข็งแรงหนาดกดำแลดูเงางามไม่หลุดร่วงง่าย และคุณสมบัติอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถซื้อได้ง่ายจากร้านขายยาทั่วไป จึงไม่น่าแปลกใจนักที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ไบโอตินได้รับความนิยมอย่างมากจากสาวๆ โดยเฉพาะคนที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม อย่างไรก็ตามมีหลายคนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติสุดพิเศษราวกับลงมาจากสวรรค์ชิ้นนี้ ถ้าหากทำการรับประทานไปนานวันเข้าจะเกิดผลข้างเคียงอะไรขึ้นหรือเปล่า? จนคำถามนี้กลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งที่กวนใจหลายคน ดังนั้นบทความของเว็บไซต์หัวล้านได้หวีในวันนี้ จึงได้รวบรวมเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงของไบโอตินทึ่ควรทราบมาฝากคุณผู้อ่านแบบเจาะลึกกัน
ไบโอตินมีประสิทธิภาพที่น่าสนใจอย่างไร?
ไบโอติน เป็นหนึ่งในวิตามินที่อยู่ในหมวด B-complex ไบโอตินมีคุณสมบัติในการช่วยเปลี่ยนคาร์โบโอเดรต ไขมันและโปรตีนในอาหารที่ได้รับให้กลายเป็นพลังงาน ถ้าหากทำการทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีความสมดุลด้านโภชนาการร่างกายก็มีโอกาสน้อยมากที่จะขาดไบโอตินตามธรรมชาติ เพราะที่จริงแล้วร่างกายของคนเรานั้นต้องการไบโอตินในปริมาณต่อวันเพียงเล็กน้อยประมาณ 30 ไมโครกรัมเท่านั้น อีกทั้งแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ยังสามารถทำการสร้างไบโอตินที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้อีกด้วย
- อาหารประเภทโปรตีน
เนื้อวัว เนื้อหมูหรือเนื้อไก่และไข่แเดงและแม้แต่ในเครื่องในมีไบโอตินซ่อนอยู่ทั้งนั้น - อาหารทะเล
ไบโอตินที่มักพบมากในอาหารทะเลคือ ปลาเนื้อขาว ปลาซาร์ดีน แซลมอน หอยนางรม และน้ำมันปลา - ถั่วและธัญพืชต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นถั่วเปลืองแข็งหรือถั่วเหลืองก็อุดมไปด้วยไบโอตินทั้งนั้น - ผักและผลไม้
กล้วย แอปเปิ้ล มะเขือเทศและกะหล่ำปลี จัดหนักจัดเต็มกันไปด้วยไบโอตินเช่นกัน
ในทางการแพทย์มีการนำไบโอตินมาใช้ในฐานะสารบำรุงร่างกายที่มีประโยชน์ที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิเช่น แก้ไขปัญหาเล็บเปราะ ลดอาการผิวแห้งคัน บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน และเสริมสร้างพัฒนาการของทารกที่อยู่ในครรภ์ เป็นต้น แต่โดยหลักแล้วไบโอตินมักถูกนำมาใช้ในการบำรุงรักษาปัญหาที่เกี่ยวกับเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมแข็งแรงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังไม่มีผลการศึกษาหรือหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์พิสูจน์ผลลัพธ์ของไบโอตินในการดูแลเส้นผมย่างชัดเจน แต่จากการศึกษาในเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าไบโอตินอาจมีประโยชน์ต่อร่างกายดังที่กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้นบ้างพอสมควร
ร่างกายสังเคราะห์ไบโอตินวันละเท่าไหร่
โดยปกติร่างกายจะสังเคราะห์ไบโอตินได้เองตามธรรมชาติโดยไบโอตินจะถูกสังเคราะห์เข้าสู่ร่างกายในปริมาณ 100-500 ไมโครกรัม ต่อวัน
ซึ่งร่างกายจะสังเคราะห์ไบโอตินได้จากการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอตินอย่างที่ได้กล่าวไปในย่อหน้าข้างต้น และอีกช่องทางของการสังเคราะห์ไบโอตินคือได้จากการสังเคราะห์แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
เนื่องจากร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์ไบโอตินได้เท่ากันซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยภายนอกนั่นคือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละคน ดังนั้นอาจทำให้มีบางคนมีอาการขาดไบโอตินได้
- มีผมหงอกขึ้นก่อนวัยอันควร
- ผมขาดหลุดร่วง
- ผิวหนังอักเสบได้ง่าย
- มีอาการผื่นแพ้ แดงขึ้นตามรอบดวงตา จมูกและปาก
- เล็บเปราะง่าย
- อ่อนเพลียง่าย
- มีอาการซึมเศร้า
- มีอาการเหน็บ ชา ตะคริว บริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย
เจ้าอาการขาดไบโอตินที่กล่าวมานั้นเกิดจากหลายปัจจัยเช่น การตั้งครรภ์ กา่รรับประทานยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่จัด หรือแม้แต่การรับประทานอาหารแบบผิดๆ เช่นคนทีชอบรับประทานไข่ขาวดิบ เป็นต้น
ร่างกายขาดไบโอตินทำอย่างไรดี?
หากพบว่าตัวเองมีภาวะขาดไบโอตินนั้น ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เกิดภาวะขาดไบโอตินและหันมารับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยไบโอตินแทน ในกรณีที่คิดว่าการรับประทานอาหารทั่วไปอาจไม่เพียงพออาจลองเลือกอาหารเสริมไบโอตินมารับประทานดูก็ได้ แต่จะต้องรับประทานทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ควรรับประทานอาหารเสริมไบโอตินปริมาณเท่าไหร่?
อ้างอิงจากข้อมูลจากต่างประเทศ หลายแหล่งความรู้กล่าวไว้ว่าอาหารเสริมไบโอตินควรรับประทานในปริมาณ 600-2,400 ไมโครกรัม
ไบโอตินมีผลข้างเคียงอะไรบ้างที่คุณควรรู้?
คุณสมบัติที่น่าสนใจที่สุดของไบโอตินคือ มันเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ทำให้ไบโอตินสามารถถูกขับออกได้ตามธรรมชาติด้วยการปัสสาวะและอุจจาระได้ง่าย ทำให้ผลข้างเคียงเกี่ยวกับไบโอตินแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยหรือถ้าหากเคยก็ค่อนข้างหายากเป็นอย่างมาก
- ท้องเสีย
- มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง
- ลมพิษ
- หายใจลำบาก
- ริมฝีปาก ใบหน้า ลิ้นหรือคอมีอาการบวมอักเสบ
อย่างไรก็ตามก็ยังมีผลข้างเคียงอื่นๆที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน เพราะจากการทดสอบในห้องวิจัยพบว่า คนที่มีปัญหาต่อมไทรอยด์ ปัญหาเกี่ยวกับระดับฮอร์โมน อัตราการเต้นของหัวใจและระดับวิตามินดีผิดปกติ เมื่อทำการทานไบโอตินอาจส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัยโรคของแพทย์ที่ผิดพลาดจนนำไปสู่การเกิดอันตรายได้ แต่ถ้าหากคุณทำการแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนว่ากำลังทานไบโอตินอยู่ แพทย์อาจจะทำการสั่งห้ามไม่ให้ทานไบโอตินประมาณ 2-3 วัน ก่อนเข้ารับการตรวจเพื่อให้ผลตรวจทางการแพทย์จากห้องแล็ปมีความเที่ยงตรงแม่นยำมากที่สุด
สรุป
ถึงแม้ว่าผลเสียในเชิงสถิติที่เกิดจากไบโอตินมีค่อนข้างน้อยมาก แต่คุณก็ไม่ควรชะล่าใจมากจนเกินไป และควรให้ความระมัดระวังในการทานอย่างเหมาะสมไม่อย่างนั้น แทนที่การทานไบโอตินจะส่งผลดีต่อเส้นผมและความงามมันอาจกลายเป็นการสร้างภาระให้กับร่างกายอย่างไม่คาดฝันทีเลยเดียว และใครอยากรักษาอาการผมร่วงด้วยวิธีธรรมชาติแบบไม่ต้องพึ่งวิตามินล่ะก็คลิกไปตามอ่านบทความด้านล่างได้เลย